ขั้นตอนการประเมินหลักสูตร
การประเมินหลักสูตรเป็นกระบวนการในการพิจารณาคุณค่าหรือค่านิยม
(Worth or Value) ของหลักสูตร
ขั้นตอนหรือวิธีการประเมินจึงมีความสำคัญมาก ซึ่งนักการศึกษาหลายท่านได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับขั้นตอนในการประเมินหลักสูตร
ดังนี้
ทาบา (Taba,
1962 page 324, อ้างอิงใน
สุนีย์ ภู่พันธ์, 2546 หน้า 255)
กล่าวถึงแนวทางในการประเมินผลหลักสูตรเป็นกระบวนการมีขั้นตอนต่างๆ ดังนี้
1. วิเคราะห์และตีความวัตถุประสงค์ของหลักสูตรให้มองเห็นกระจ่างชัดในเชิงพฤติกรรมคือปฏิบัติได้จริง
(Formulation and Clarification for Objective)
2.
คัดเลือกและสร้างเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับค้นหาหลักสูตร (Selection
and Construction of the Appropriate Instruments for
Getting Evidences)
3.
ใช้เครื่องมือที่สร้างขึ้นประเมินผลหลักสูตรตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ (Application
of Evaluative Criteria)
4.
รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับภูมิหลังของนักเรียนและลักษณะของการสอนเพื่อนำมาประกอบในการแปลผลของการประเมิน
(Information on the Background of Students and the Nature
of Instruction in the light of Which to Interpret the Evidences)
5. แปลผลของการประเมิน
เพื่อนำไปปรับปรุงหลักสูตรและการสอนต่อไป (Translation of
Evaluation Findings into Improvement of the Curriculum and Instruction)
ใจทิพย์ เชื้อรัตนพงษ์
(2539, หน้า 197)
กล่าวถึงขั้นตอนอย่างเป็นระบบในการประเมินหลักสูตรควรดำเนินการ ดังนี้
1.
ขั้นกำหนดวัตถุประสงค์ของการประเมินหลักสูตร
ผู้ประเมินหลักสูตรต้องกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการประเมินให้ชัดเจนก่อนว่าจะประเมินในส่วนใดหรือเรื่องใด
เช่น
ต้องการประเมินผลเอกสารหลักสูตร ประเมินผลระบบการบริหารหลักสูตร
ประเมินผลการสอน
ของครู ประเมินผลวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้สอน ประเมินผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน
หรือประเมินหลักสูตรทั้ง
ระบบ ฯลฯ และในแต่ละเรื่องจะศึกษาบางส่วนหรือทุกส่วนในเรื่องนั้นๆ
ก็ได้ เช่น หากจะประเมิน
การใช้หลักสูตร อาจจะประเมินการใช้หลักสูตรทั้งหมด เช่น
ประเมินการใช้หลักสูตรภาษาไทยใน
ระดับประถมศึกษาทุกด้าน หรืออาจประเมินบางส่วนของการใช้หลักสูตร
กล่าวคือ ประเมินเฉพาะ
ประสิทธิภาพการสอนภาษาไทยของครูผู้สอนในระดับประถมศึกษา เป็นต้น
นอกจากนี้ผู้ประเมินหลักสูตรต้องกำหนดด้วยว่าต้องการนำข้อมูลมาทำอะไร เช่น
เพื่อดูว่าหลักสูตรใช้ได้ผลหรือไม่
เพียงใด เพื่อปรับปรุงสูตร
หรือเพื่อช่วยในการตัดสินใจของผู้บริหารว่าจะใช้หลักสูตรนี้ต่อไปอีกหรือไม่
เป็นต้น การกำหนดขอบข่ายวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการประเมินหลักสูตรอย่างเด่นชัดจะเป็นกรอบของการประเมินหรือตัวเสนอแนะรูปแบบของการประเมิน
กลุ่มผู้ให้ข้อมูลวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
และการสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินหลักสูตรได้อย่างเหมาะสม และถูกต้อง
2. ขั้นวางแผนออกแบบการประเมินผล
การประเมินผลครั้งใดก็ตามถ้าไม่ได้วางแผนอย่างดีและรัดกุมแล้ว
ผลที่ได้อาจไม่ดีเท่าที่ควร
ขั้นตอนนี้จึงอาจเปรียบเสมือนเข็มทิศที่จะนำไปสู่เป้าหมายของการประเมิน ดังนั้น
หลังจากที่ผู้ประเมินผลได้ศึกษาและสำรวจเอกสารและผลงานประเมินที่เกี่ยวข้องต่างๆ
แล้ว ผู้ประเมินผลก็พร้อมที่จะตัดสินใจวางรูปแบบการประเมินหลักสูตรได้
สิ่งที่ผู้ประเมินผลจะต้องตัดสินใจกำหนดมีดังนี้ คือ
2.1 การกำหนดกลุ่มตัวอย่าง
ในการประเมินหลักสูตร ผู้ประเมินผลอาจได้ข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างของประชากรนั้น
2.2 การกำหนดแห่งข้อมูล
ก่อนลงมือเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้ประเมินผลต้องตัดสินใจกำหนดแล้วว่า จะใช้แหล่งข้อมูลจากที่ใด
กล่าวคือใช้แหล่งข้อมูลปฐมภูมิ (Primary source)
ซึ่งผู้ประเมินผลต้องเก็บรวบรวมข้อมูลใหม่ด้วยตนเอง
หรือแหล่งข้อมูลที่บุคคลหรือองค์กรอื่นๆ
เก็บรวบรวมไว้แล้วหรือให้ข้อมูลทั้งสองแหล่ง พร้อมกันนั้น
ผู้ประเมินควรพิจารณาข้อมูลจากหลายๆ แหล่งต่างๆ อาจมีหน้าที่ขัดแย้งกันได้ ดังนั้น
จึงเป็นทางหนึ่งในการป้องกันอย่างลำเอียงของผู้ประเมินได้
2.3
การพัฒนาเครื่องมือและวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
ในการประเมินหลักสูตรมีเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลหลายอย่างซึ่งผู้ประเมินผลควรพิจารณาเลือกใช้ให้กำหนด
2.4 การกำหนดเกณฑ์ในการประเมิน
ผู้ประเมินควรตั้งเกณฑ์ในการประเมินทีเหมาะสมไว้ล่วงหน้า
เพราะเกณฑ์การประเมินจะเป็นเครื่องบ่งชี้คุณภาพในส่วนของหลักสูตรที่ถูก
ประเมิน
2.5 การกำหนดเวลา
ผู้ประเมินควรกำหนดในเรื่องของเวลาในการดำเนินการประเมินผลในขั้นตอนต่างๆ
3. ขั้นเก็บรวบรวมข้อมูล
ผู้ประเมินเก็บรวบรวมข้อมูลตามกรอบขอบข่ายและระยะเวลาที่กำหนดไว้ในปฏิทินปฏิบัติงานประเมินผล
ถ้าผู้ประเมินผลต้องอาศัยผู้อื่นเป็นผู้ช่วยหรือลูกมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล
ก็จำเป็นต้องคำนึงถึงคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นลูกมือด้วยเพราะบุคคลเหล่านี้ก็มีส่วนช่วยให้ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้มีความเที่ยงตรงและน่าเชื่อถือมากน้อยแตกต่างกันไป
4. ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล
ผู้ประเมินผลกำหนดวิธีการจัดระบบข้อมูลโดยอาจจำแนกข้อมูลเป็นหมวดหมู่
และพิจารณาเลือกใช้สถิติในการวิเคราะห์ที่เหมาะสม
ซึ่งมักจะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการประเมินผลและลักษณะของข้อมูล
จากนั้นจึงวิเคราะห์และ/หรือสังเคราะห์ข้อมูลและลักษณะของข้อมูล จากนั้น
โดยเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดว่ามีความสอดคล้องกันอย่างหรือไม่เพียงใด
5. ขั้นรายงานผลการประเมิน
ภายหลังจากที่วิเคราะห์ข้อมูลเสร็จเรียบร้อย แล้วผู้ประเมินผลจะต้องรายงานและเสนอผลการประเมินโดยเร็วเรียบร้อยแล้ว
ผู้ประเมินจะต้องรายงานและมุ่งเสนอข้อมูลที่บ่งชี้ให้เห็นว่าหลักสูตรนี้เพื่อนำไปปฏิบัติจริงแล้วมีคุณภาพเพียงใด
มีส่วนใดบ้างที่ควรเก็บรวบรวม ส่วนใดบ้างที่แก้ปรับปรุงหรือเขตอุตสาหกรรม
จากขั้นตอนในการประเมินหลักสูตรที่กล่าวมาทั้งหมด
สามารถสรุปขั้นตอนการประเมินหลักสูตรได้ดังนี้
1.
ขั้นกำหนดวัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายในการประเมิน
การกำหนดจุดมุ่งหมายในการประเมินเป็นขั้นตอนแรกของกระบวนการในการดำเนินการประเมินหลักสูตร
ผู้ประเมินต้องกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการประเมินให้ชัดเจนว่าจะประเมินอะไร
ในส่วนใด ด้วยวัตถุประสงค์อย่างไร เช่น
ต้องการประเมินเอกสารหลักสูตรเพื่อดูว่าเอกสารหลักสูตรถูกต้องสมบูรณ์สามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน
หรือจะประเมินการนำหลักสูตรไปใช้ในเรื่องอะไร แค่ไหนหรือการนำหลักสูตรไปใช้ทั้งหมด
หรือประเมินหลักสูตรทั้งระบบการกำหนดวัตถุประสงค์ในการประเมินที่ชัดเจนทำให้เราสามารถกำหนดวิธี
เครื่องมือ และขั้นตอนในการประเมินได้อย่างถูกต้อง
และทำให้การประเมินหลักสูตรดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ และได้ผล
ถูกต้องเป็นที่เชื่อถือได้
2.
ขั้นกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการที่จะใช้ในการประเมินผล
การกำหนดเกณฑ์และวิธีการประเมินเปรียบเสมือนเข็มทิศที่จะนำไปสู่เป้
าหมายของการประเมิน
เกณฑ์การประเมินเป็นเครื่องบ่งชี้คุณภาพของหลักสูตรที่ถูกประเมิน
การกำหนดวิธีการที่จะใช้ในการประเมินผลทำให้เราสามารถดำเนินงานไปตามขั้นตอนอย่างราบรื่น
3.
ขั้นการสร้างเครื่องมือและวีการเก็บรวบรวมข้อมูล
เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินหรือเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่จะมีผลทำให้การประเมินนั้นน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน
ขั้นตอนการสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินหรือเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลมีหลายอย่าง
ซึ่งผู้ประเมินจะต้องเลือกใช้และสร้างอย่างมีคุณภาพ มีความเชื่อถือได้
และมีความเที่ยงตรงสูง
4. ขั้นเก็บรวบรวมข้อมูล
ในขั้นการรวบรวมข้อมูลนั้นผู้ประเมินต้องเก็บรวบรวมข้อมูลตามขอบเขตและระยะเวลาที่ได้กำหนดไว้
ในบางครั้งถ้าจำเป็นต้องอาศัยผู้อื่นในการรวบรวมข้อมูล
ควรพิจารณาผู้ที่จะมาทำหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูลที่มีความเหมาะสม
เพราะผู้เก็บรวบรวมข้อมูลมีส่วนช่วยให้ข้อมูลที่รวบรวมได้มีความเที่ยงตรงและน่าเชื่อถือ
5. ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล
ในขั้นนี้ผู้ประเมินจะต้องกำหนดวิธีการจัดระบบข้อมูลพิจารณาเลือกใช้สถิติในการใช้ข้อมูลที่เหมาะสม
แล้วจึงวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นโดยเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้
6.
ขั้นสรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลและรายงานผลการประเมิน
ในขั้นนี้ผู้ประเมินจะสรุปและรายงานผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลในขั้นต้น
ผู้ประเมินจะต้องพิจารณารูปแบบของการรายงานผลว่าควรจะเป็นรูปแบบใด
และการรายงานผลจะมุ่งเสนอข้อมูลที่บ่งชี้ให้เห็นว่าหลักสูตรมีคุณภาพหรือไม่
เพียงใด มีส่วนใดบ้างที่ควรแก้ไข ปรับปรุงหรือยกเลิก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น