Self
– Test และ Activity
ตรวจสอบทบทวน (Self
- Test)
1. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน หลักสูตรสถานศึกษา
และหลักสูตรท้องถิ่นเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
ต่างกัน เพราะว่า
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
คือ
หลักสูตรที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนในระดับการศึกษาที่ต่ำกว่าอุดมศึกษา
โดยมุ่งหวังให้ผู้เรียนมีความสมบูรณ์ ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา อีกทั้ง
มีความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต และมีคุณภาพได้มาตรฐานสากล
เพื่อการแข่งขันในยุคปัจจุบัน
หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานประกอบด้วยส่วนที่เป็นแกนกลางซึ่งกำหนดโดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานส่วนที่เกี่ยวกับสภาพชุมชนและท้องถิ่น
ซึ่งพัฒนาโดยเขตพื้นที่การศึกษา หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับท้องถิ่นและส่วนที่สถานศึกษาพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้สอดคล้องเหมาะสมกับความสนใจ
ความต้องการ และความถนัดของผู้เรียน
หลักสูตรสถานศึกษา
(School
curriculum) แผนหรือแนวทางในการจัดประมวลความรู้และประสบการณ์ซึ่งจัดทำโดยคณะบุคคลในระดับสถานศึกษา
เพื่อใช้ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้
และส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักตนเอง มีชีวิตอยู่ในโรงเรียนชุมชน
และสังคมอย่างมีความสุข การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาพิจารณาจากหลักสูตรแกนกลาง
หลักสูตรระดับท้องถิ่น
หลักสูตรท้องถิ่นเป็นหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในการัดการเรียนการสอนของสถานศึกษาในท้องถิ่นนั้น
ๆ เนื้อหาองค์ความรู้จึงเกี่ยวกับท้องถิ่นในด้านต่าง ๆ เช่น สภาพทางภูมิศาสตร์
ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณี อาชีพและภูมิปัญญาท้องถิ่น
สิ่งเหล่านี้ควรได้รับการถ่ายทอดพัฒนาไปสู่ผู้เรียน นักการศึกษาหลายท่านได้ให้ความหมายของหลักสูตรท้องถิ่นไว้
ดังนี้
กรมวิชาการ (2540:16)
ให้ความหมายของหลักสูตรท้องถิ่นว่า
หมายถึง มวลประสบการณ์ที่จัดขึ้นทั้งในและนอกห้องเรียน
เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะ เจตคติ
และคุณภาพการดำรงชีวิตโดยใช้ทรัพยากรท้องถิ่น
กรมการศึกษานอกโรงเรียน (2545:26)
ให้ความหมายว่า
หลักสูตรท้องถิ่นหมายถึงหลักสูตรที่สร้างขึ้นจากสภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียนตามหรือสร้างจากหลักสูตรแกนกลาง
ที่ปรับให้เข้ากับสภาพชีวิตจริงของผู้เรียน ท้องถิ่นต่าง ๆ
หรือสร้างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ที่มีผลกระทบต่อผู้เรียน
หลักสูตรท้องถิ่นจะสอดคล้องเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมของท้องถิ่นนั้น ๆ
สำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2548)
ได้กล่าวถึง หลักสูตรท้องถิ่นว่า
หลักสูตรท้องถิ่นเป็นหลักสูตรที่เกิดจากการที่ผู้เรียนและครูสร้างขึ้นตามสภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียนหรือเรื่องที่เป็นปัญหาของสังคมหรือของผู้เรียนเองในขณะนั้น
ๆ เนื้อหาที่เรียนจึงเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของผู้เรียน
กิจกรรม (Activity)
1. สืบค้นจากหนังสือหรือในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เรื่อง การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาหลักสูตรท้องถิ่น
ขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
ขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาที่จะนำมาใช้ดำเนินการการนำแนวคิดและรูปแบบจากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ. 2542 ในมาตรา 27
วรรคสองที่กำหนดให้กำหนดให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีหน้าที่จัดทำสาระของสาระของหนักสูตรที่สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง
ขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาที่กำหนดขึ้น
เป็นการพัฒนาหลักสูตรครบวงจร ขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
ประกอบด้วยขั้นตอนที่สำคัญ 5 ขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่
1 การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานในด้านต่าง ๆ
การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานเพื่อให้สามารถกำหนดวัตถุประสงค์และขอบเขตในการเรียนการสอน
รวมทั้งสิ่งที่คาดหวังให้ผู้เรียนบรรลุตามจุดประสงค์
1.1 ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพและความต้องการของชุมชน
โรงเรียนมีหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ปลูกฝังเยาวชนในชุมชนให้เป็นพลเมืองที่ดีเพื่อพัฒนาชุมชนและสังคมต่อไป
จึงต้องทราบข้อมูลชุมชนเพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชนนั้นๆ
ข้อมูลของชุมชนที่สำคัญมีดังนี้
1.ข้อมูลทั่วไปของชุมชน เช่นแผนที่ตั้ง ประวัติความเป็นมา จำนวนประชากร เพศ
อายุ ศาสนา ฯลฯ
2. ข้อมูลด้านการศึกษา
จำนวนผู้จบการศึกษาในระดับต่าง ๆ จำนวนนักเรียนในระดับต่าง ๆ ฯลฯ
3.
ข้อมูลศิลปวัฒนธรรม เช่นภาษาท้องถิ่น ขนบธรรมเนียมประเพณี ฯลฯ
4.
ข้อมูลพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เช่นรายได้ อาชีพ
5. ภูมิปัญญาท้องถิ่น
6.
ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในชุมชน เช่นยาเสพย์ติด มิจฉาชีพ โจร เป็นต้น
วิธีการศึกษาชุมชน
สามารถดำเนินการได้ดังนี้
- ศึกษาแบบทุติยภูมิ (เอกสาร,งานวิจัย,สื่อสิ่งพิมพ์)
- ศึกษาแบบปฐมภูมิ (สำรวจ,ลงพื้นที่,สอบถาม,สังเกต)
1.2 การวิเคราะห์ศักยภาพของโรงเรียน
บุคลากร
งบประมาณ อุปกรณ์ และสื่อต่างๆ ห้องต่างๆ
ปัญหาที่เกิดจากการใช้หลักสูตรและกระบวนการเรียนการสอน
เพื่อตัดสินใจเลือกแนวทางในการพัฒนาหลักสูตรให้เหมาะสม
1.3 การวิเคราะห์หลักสูตรแกนกลาง
1.
หลักสูตรประถมศึกษา พุทธศักราช 2521(ฉบับปรับปรุง
พ.ศ.2533) ให้พิจารณาจาก
1.1 จุดมุ่งหมายของหลักสูตร
1.2 จุดประสงค์ของรายวิชา (ความมุ่งหวังที่ต้องการ)
1.3 เนื้อหาสาระ (โครงสร้างหลักสูตร)
1.4 กิจกรรมการจัดการเรียนการสอนและการประเมินผลการเรียนรู้
2.
หลักสูตรขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544
ให้พิจารณาจาก
2.1 มาตรฐานการเรียนรู้ของหลักสูตร
2.2 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้แต่ละช่วงชั้น
- 8 กลุ่มสาระ
- กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
2.3 การจัดการเรียนรู้
2.4 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
3.
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ปรับมาตรฐานการเรียนรู้จากหลักสูตรขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2544
3.1 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้แต่ละช่วงชั้น
- 8 กลุ่มสาระ (เท่าเดิม)
- วิสัยทัศน์
- พันธกิจ
- คุณลักษณะอันพึงประสงค์
- สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
- กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
- กิจกรรมสาธารณประโยชน์
3.2
การจัดการเรียนรู้
3.3
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ซึ่งสถานศึกษาควรนำข้อมูลทั้งสามอย่างนี้มาศึกษาและวิเคราะห์
ได้แก่ สภาพและความต้องการของชุมชน, ศักยภาพของโรงเรียน
และหลักสูตรแกนกลาง
ขั้นที่
2 การร่างหลักสูตร
เป็นการกำหนดแผนการจัดประสบการณ์หรือการกำหนดแนวทางการจัดการเรียนการสอน
เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถ ทักษะ และทัศนคติตามเป้าหมายกำหนดไว้
2.1 การกำหนดจุดประสงค์ของหลักสูตร
จุดประสงค์ทั่วไป
คือเป้าหมายหรือสิ่งมุ่งหวังให้เกิดกับผู้เรียน ควรใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและกระชับ
และต้องสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง
จุดประสงค์การเรียนรู้
คือเป้าหมายที่มุ่งหวังจำแนกเรื่องและหัวข้อ เช่น
ให้ผู้เรียนมีทัศนคติที่ดีต่อวิชาเรียน ให้นักเรียนบอกความหมายของวิชาที่เรียนได้
เป็นต้น
2.2 การกำหนดเนื้อหาสาระ
ควรกำหนดให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของหลักสูตร
2.3 การจัดการเรียนการสอน กิจกรรมและสื่อต่างๆ
ควรเลือกวิธีที่เหมาะสมแก่ผู้เรียน
เนื้อหา จุดประสงค์ และหลากหลายเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมาย
ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการสอน หรือกระทั่งสื่อต่างๆ
2.4 การกำหนดวิธีและประเมินผลผู้เรียน
ต้องรู้ถึงคุณภาพของหลักสูตรนั้นๆ
จึงต้องมีการประเมินผลผู้เรียน
เพื่อให้ทราบผมสัมฤทธิ์ของแผนการพัฒนาหลักสูตรอันจำเป็นต่อการพัฒนาในครั้งต่อ ๆ ไป
ขั้นที่
3 การตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตร
เมื่อร่างหลักสูตรเสร็จ
ต้องมีการตรวจสอบก่อนนำไปใช้ สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ
ความสอดคล้องขององค์ประกอบต่าง ๆ ได้แก่
- จุดประสงค์
- เนื้อหาสาระ
- การจัดการเรียนการสอน
- กิจกรรมและสื่อการเรียนรู้
- วิธีวัดและประเมินผลผู้เรียน
ทั้งหมดนี้สามารถทำได้โดยปรึกษาและรับฟังข้อเสนอแนะ
- คณะทำงานร่างหลักสูตร
- ผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
- ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ขั้นที่
4 การนำหลักสูตรไปใช้
คือ
การแปลงหลักสูตรไปสู่การสอน ต้องกำหนดวิธีการจัดการเรียนการสอน
กำหนดรายละเอียดกิจกรรมในแต่ละคาบ เตรียมวัสดุอุปกรณ์ ประสานงาน เพื่อให้การสอนเป็นไปตามวัตถุประสงค์มากที่สุด
นอกจากนั้น
เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการจัดการเรียนการศึกษาตาม
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
มาตรา 22 บัญญัติไว้ว่า
“การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถ เรียนรู้และพัฒนาตนเองได้
และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษา
ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนา ตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ” และการเรียนรู้
หมายถึง การปรับเปลี่ยนไปในทางดีขึ้น การสอนให้ผู้เรียนได้เรียนรู้
(ตามนัยพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ) มีดังนี้
1.
การเรียนรู้โดยตนเอง คือการสร้างประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม วิทยาการ
และโอกาส ให้เอื้อต่อการสร้างแรงจูงใจ เกิดการคิด วิเคราะห์ ฝึกทักษะ ด้วยตนเอง
2. การเรียนรู้ด้วยตนเอง
ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม คือการเรียนรู้เพื่อให้ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม
นอกจากนั้น ยังต้องเรียนรู้ตนเอง
สามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมให้สอดคล้องกับค่านิยมอันดีงาม
และยึดมั่นในคุณธรรม
3. การเรียนรู้ที่มุ่งพัฒนาทักษะการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพ
คือ การเรียนรู้ในทักษะชีวิตที่สำคัญ ในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น เช่นการสื่อสาร
การสร้างสัมพันธภาพ การเห็นใจผู้อื่น เป็นต้น รวมถึง ความรู้ด้านสุขศึกษา เช่น
เพศศึกษา ยาเสพติด การแก้ไขปัญหาภายในครอบครัวอีกด้วย
ส่วนการเรียนรู้การประกอบอาชีพ
ก็คือการเข้าใจในศักยภาพของตนเพื่อเตรียมตัวในการประกอบอาชีพนั่นเอง
4. การเรียนรู้ที่มุ่งพัฒนากระบวนการคิด
ในการฝึกประสบการณ์และปฏิบัติ เพื่อผจญกับปัญหาจริง และสามารถแก้ไขได้อย่างถูกวิธี
5. การเรียนโดยผสมผสานความรู้
คือการเรียนความรู้ในศาสตร์ต่าง ๆ ควบคู่กับการพัฒนาจิตใจผู้เรียน
6. การฝึกการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นประชาธิปไตย
คือการเรียนรู้เรื่องสิทธิเสรีภาพของตนเองและผู้อื่นความเสมอภาค
หน้าที่และศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
7. การเรียนรู้เรื่องภูมิปัญญาและศิลปวัฒนธรรม เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ ความตระหนัก
และและมีความรัก ความหวงแหน ต่อคุณค่าของภูมิปัญญาและศิลปวัฒนธรรมไทย
8. การวิจัยเพื่อพัฒนาการกระบวนการเรียนรู้
คือการรวบรวมข้อมูล เพื่อการแก้ไข และเป็นเครื่องมือในการวิจัย
ที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างแรงจูงใจ รวมถึงการประเมินคุณภาพ
9. การเรียนรู้ด้วยความร่วมมือของครอบครัวและชุมชน
คือการที่ครอบครัว, ชุมชน, และสถานศึกษา
มีส่วนร่วมในการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียน
10. การประเมินผู้เรียน
คือ กระบวนการพิจารณาผู้เรียนว่าเป็นไปตามจุดประสงค์หรือไม่ โดยใช้เครื่องมือ เช่น
การประเมินผลตามจริง แฟ้มผลงาน การสังเกต การสัมภาษณ์ การจัดนิทรรศการ เป็นต้น
หลักสูตรท้องถิ่น
หมายถึงหลักสูตรที่สร้างขึ้นจากสภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียน
หลักสูตรท้องถิ่นจะสอดคล้องเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมของท้องถิ่นนั้นๆ
เป็นการเรียนรู้จากภูมิปัญญาที่มีอยู่ในท้องถิ่น
ผู้เรียนแสวงหาองค์ความรู้ที่ตอบสนองกับวิถีชีวิตของตนเอง
ปรับตนเองให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคโลกาภิวัตน์ ผู้เรียนจะเรียนรู้ตามสภาพจริงของตนเอง สามารถนำความรู้ไปใช้การพัฒนาตนเอง ครอบครัว และชุมชนได้ ( กองพัฒนาการศึกษานอกโรงเรียน. 2543
: 3 ) จึงอาจสรุปได้ว่า หลักสูตรท้องถิ่น หมายถึง
ประสบการณ์การเรียนรู้ที่จัดให้กับกลุ่มผู้เรียนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่จัดตามสภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียนในท้องถิ่นนั้นๆ เป้าหมายหลัก คือ
ต้องการให้ผู้เรียนได้นำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้เรียนให้ดีขึ้น
หลักการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น หลักสูตรท้องถิ่น
มีหลักในการพัฒนาที่ส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายได้เกิดปัญญา หรือเกิดการเรียนรู้ ดังนี้
( กองพัฒนาการศึกษานอกโรงเรียน. 2543 : 4)
1. การเรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้ มีเป้าหมายมุ่งที่การเรียนรู้สภาพปัญหา วิธีการแก้ปัญหา และการปรับปรุงอย่างลึกซึ่ง
คือ
ให้รู้และเข้าใจอย่างกระจ่างว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจนสามารถวิเคราะห์และสังเคราะห์เป็นองค์ความรู้ของตนเองได้
2. การเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถในการปฏิบัติจริง
มีเป้าหมายมุ่งที่การเรียนรู้ในการวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อการปฏิบัติจริง
จนเกิดความชำนาญและสามารถปฏิบัติได้ในทุกสถานการณ์
3. การเรียนรู้เพื่อการอยู่ร่วมกัน มีเป้าหมายมุ่งที่การเรียนรู้
เพื่อเป็นผู้มีคุณธรรม
จริยธรรมด้วยการมีความเชื่อ และตระหนักว่ามนุษย์ทุกคนต้องร่วมมือกัน พึ่งพาอาศัยกันและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
4. การเรียนรู้เพื่อการพัฒนาศักยภาพ เป้าหมายมุ่งที่การเรียนรู้
เพื่อพัฒนาตนเองให้มีชีวิตที่งอกงาม
ปรับปรุงบุคลิกภาพอย่างมั่นใจ เน้นการมีเหตุผลและมีวิสัยทัศน์
ความสำคัญของหลักสูตรท้องถิ่น หลักสูตรท้องถิ่น เป็นหลักสูตรบูรณาการที่ผู้เรียน
ชุมชนและครูร่วมกันสร้างขึ้น
เพื่อมุ่งเน้นให้ผู้เรียน เรียนจากชีวิต
เรียนแล้วเกิดการเรียนรู้สามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตอย่างมีคุณภาพและเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมอย่างมีความสุข
การเรียนการสอนจะสอนตามความต้องการของผู้เรียน โดยครูเป็นผู้คอยให้คำแนะนำ ผู้เรียนเป็นผู้ค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง ดังนั้น หลักสูตรท้องถิ่นจึงมีความสำคัญ ดังต่อไปนี้
( กองพัฒนาการศึกษานอกโรงเรียน. 2543 : 5 )
1.
เป็นหลักสูตรที่ตอบสนองการเรียนรู้ของรู้เรียนเฉพาะเนื้อหาสาระของหลักสูตรสอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนตามสภาพปัญหาที่เป็นจริง
2. ทำให้กิจกรรมการเรียนรู้มีความหมายต่อผู้เรียน
เพราะผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้
3. ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีการแสวงหาความรู้
เพื่อที่จะมาใช้เป็นข้อมูลในการแก้ปัญหาในชีวิตจริงของตนเองในวันข้างหน้า รวมทั้งวิธีวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล
เพื่อการตัดสินใจที่เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตของตนเอง
4. ชุมชนและภูมิปัญญาในชุมชน
มีโอกาสมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้กับผู้เรียน ซึ่งเป็นสมาชิกของชุมชน
กระบวนการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น กระบวนการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น ประกอบด้วยขั้นตอนหลัก 4 ขั้นตอน ดังนี้ ( กองพัฒนาการศึกษานอโรงเรียน. 2543 :
13 )
ขั้นที่ 1 การสำรวจสภาพปัญหาของชุมชน
ขั้นที่ 2
การวิเคราะห์สภาพปัญหาชุมชนและความต้องการของผู้เรียน
ขั้นที่ 3 เขียนผังหลักสูตร
ขั้นที่ 4 เขียนหลักสูตร
1. สำรวจสภาพปัญหาของชุมชน คือ
การศึกษาข้อมูลเป็นอยู่ของชุมชน
เพื่อให้ได้ซึ่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น ผู้สำรวจได้แก่ ครูการศึกษานอกโรงเรียน ผู้เรียน
และผู้เกี่ยวข้อง
โดยสำรวจข้อมูลจากเอกสารซึ่งเป็นข้อมูลทุติยภูมิ เช่น
ข้อมูลจากการวางแผนของศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอ ข้อมูลจาก จปฐ. ข้อมูลจาก กชช.2 ค และจากหน่วยงานอื่นๆ ที่ได้รวบรวมไว้แล้ว
และสำรวจข้อมูลปฐมภูมิที่ผู้สำรวจไปรวบรวมข้อมูลจากชุมชน
เป็นข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
ซึ่งเป็นข้อมูลที่แท้จริง และเป็นปัจจุบันของผู้เรียนและชุมชนประเด็นในการสำรวจข้อมูล เช่น
โครงสร้างด้านกายภาพ
และประวัติชุมชนข้อมูลประชากร
เศรษฐกิจ การศึกษา สังคม และวัฒนธรรม การเมือง
การปกครองและข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการของชุมชน วิธีการสำรวจสภาพปัญหาของชุมชน อาจใช้หลายๆ
วิธีการผสมผสานกันเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องสมบูรณ์และเป็นรูปธรรม เช่น
การสัมภาษณ์ การใช้แบบสอบถาม การสังเกต หรือการจัดเวทีประชาคม เป็นต้น
2. การวิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการของชุมชน เมื่อทำการสำรวจชุมชนเสร็จแล้ว ข้อมูลที่ได้จะมีสภาพปัญหาของชุมชนที่หลากหลาย มีทั้งปัญหาที่เป็นระดับความต้องการ (What)
และปัญหาความจำเป็น (Need)
ดังนั้น จะต้องนำปัญหานั้นมาวิเคราะห์ จัดหมวดหมู่ของปัญหา เช่น
แบ่งตามประเภทความรุนแรงของปัญหา
ความยากง่ายในการดำเนินการแก้ไขปัญหา
ความเร่งด่วนของปัญหา
และข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชน
และนำทรัพยากรใช้ให้เกิดประโยชน์
3. การเขียนผังหลักสูตร การจัดทำผังหลักสูตรท้องถิ่น ผังหลักสูตร
หมายถึง
กรอบความคิดหัวข้อของหลักสูตร
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
ประกอบด้วยหัวข้อเรื่อง
หรือหัวข้อเนื้อหาหลัก และหัวข้อย่อยที่ได้จากความต้องการ (
เป็นผลจากการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา
จากการสำรวจมาจากชุมชน )
ให้นำหัวข้อความต้องการมาจัดทำผังหลักสูตรท้องถิ่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น