แบบจาลองการพัฒนาหลักสูตร
SU
Model
จากการศึกษาแนวคิดของนักพัฒนาหลักสูตรทั้งต่างประเทศและในประเทศ
มีผู้สร้างแบบจาลองการพัฒนาหลักสูตรมากมาย เช่น โอลิวา (Oliva)
ไทเลอร์ (Tyler) เซเลอร์
อเล็กซานเดอร์และเลวีส ทาบา (Taba) และวิชัย วงษ์ใหญ่
เป็นต้น จากแบบจาลองของนักพัฒนาหลักสูตรดังกล่าว
จึงสามารถสรุปเป็นแบบจาลองการพัฒนาหลักสูตร SU Model ดังนี้

SU Model คือ รูปแบบจาลองโลกแห่งการศึกษา โดยประกอบด้วยวงกลม
ซึ่งเปรียบเสมือนจักรวาลแห่งการเรียนรู้ ที่มีพื้นฐานที่สำคัญ 3 ด้าน คือ 1) พื้นฐานด้านปรัชญา 2) พื้นฐานด้านจิตวิทยา และ 3) พื้นฐานด้านสังคม
ด้านสามเหลี่ยมระหว่างความรู้กับผู้เรียนมีพื้นฐานสำคัญคือ พื้นฐานด้านปรัชญา
ด้านสามเหลี่ยมระหว่างผู้เรียนกับสังคมมีพื้นฐานสำคัญคือ พื้นฐานด้านจิตวิทยา
และด้านสามเหลี่ยมระหว่างสังคมกับความรู้มีพื้นฐานสำคัญคือ พื้นฐานด้านสังคม
เมื่อพิจารณาพื้นฐานด้านปรัชญา
แนวคิดของการพัฒนาหลักสูตรที่มีจุดหมายของหลักสูตรที่มุ่งเน้น ความรู้ (Knowledge)
กากับด้วยปรัชญาทางการศึกษา 2 ปรัชญา คือ
ปรัชญาสารัตถนิยม (Essentialism) ซึ่งมีแนวคิดในการจัดการเรียนการสอนเพื่อเป็นการสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรม
ประเพณี และ ปรัชญานิรันดรนิยม (Perenialism) ที่มีแนวคิดในการจัดการเรียนการสอนด้วยเหตุผล
เรียนรู้ในสิ่งที่เป็นเนื้อหาสาระที่มั่นคง การพัฒนาหลักสูตรที่มีจุดหมายของหลักสูตรที่มุ่งเน้น
ผู้เรียน (Learner) กากับด้วยปรัชญาการศึกษาอัตถิภาวะนิยม (Existentialism)
ซึ่งมีแนวคิดที่ให้บุคคลมีเสรีภาพในการเลือกด้วยตนเอง
มีแนวทางการจัดการศึกษาโดยให้ผู้เรียนได้มีโอกาสเลือกประสบการณ์ในการเรียนรู้ด้วยตนเอง
และการพัฒนาหลักสูตรที่มี
จุดหมายของหลักสูตรที่มุ่งเน้น สังคม (Social)
จะกากับด้วยปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยม (Reconstructionism) โดยมีแนวคิดในการจัดการศึกษาให้กับผู้เรียนควรเป็นไปเพื่อการพัฒนาสังคม
เนื่องจากสังคมมีปัญหา
กระบวนการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดแบบจำลอง
SU
Model
กระบวนการพัฒนาหลักสูตรประกอบด้วยขั้นตอนในการจัดทาหลักสูตร
โดยประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ดังนี้
สามเหลี่ยมแรก
เป็นการวางแผนหลักสูตร (Curriculum Planning) ซึ่งจะเห็นว่ากากับด้วยความรู้
(Knowledge) และสอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาหลักสูตรของไทเลอร์คาถามที่หนึ่งคือ
มีจุดมุ่งหมายอะไรบ้างในการศึกษาที่โรงเรียนต้องแสวงหา
เพราะว่าหลักสูตรต้องมีจุดหมายที่ชัดเจน เพื่อนาไปวางแผนและกำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร
หลักสูตรต้องวางแผนให้มีเนื้อหาครบคลุมในสิ่งที่ผู้เรียนต้องรู้และต้องเรียน
การวางแผนหลักสูตร มีแนวปฏิบัติ ดังนี้
1. ผู้พัฒนาหลักสูตรศึกษาสาระสำคัญของความรู้ในประเด็นการวางแผนหลักสูตรจากแหล่งความรู้ต่างๆให้กระจ่างแจ้ง
2. ทาความเข้าใจต่อข้อมูลที่ศึกษามา
แล้วนาข้อมูลดังกล่าวมาประมวลผลให้อยู่ในรูปสารสนเทศ
3. ผู้พัฒนาหลักสูตรฝึกเขียนการวางแผนหลักสูตรโดยนาสาระสำคัญมาจาก
21st Century Skills: The Challenges Ahead; A World Class Education ทักษะแห่งอนาคตใหม่: การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21
เป็นต้น ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนของการเขียน วิสัยทัศน์ (Vision) ของหลักสูตร
สามเหลี่ยมรูปที่สอง เป็นการออกแบบ (Curriculum
Design) คือการนาจุดหมายและจุดมุ่งหมายของหลักสูตร
มาทากรอบการปฏิบัติ ซึ่งจะเห็นว่ากากับด้วยผู้เรียน (Learner) และสอดคล้องกับคาถามที่สองของไทเลอร์ คือ
มีประสบการณ์การศึกษาอะไรบ้างที่โรงเรียนควรจัด เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายในการศึกษา
ดังนั้นการออกแบบหลักสูตรจึงเน้นการออกแบบเนื้อหา (Content)
ประสบการณ์การเรียนรู้ หรือกิจกรรมการเรียนรู้ (Learning
Activities) ที่ก่อให้เกิดความรู้แก่ผู้เรียน
เพื่อให้ตอบสนองจุดหมายและจุดมุ่งหมายของหลักสูตร
การออกแบบหลักสูตร มีแนวปฏิบัติ ดังนี้
1. ผู้พัฒนาหลักสูตรศึกษาสาระสำคัญของความรู้ในประเด็นการออกแบบหลักสูตรจากแหล่งความรู้ต่างๆให้กระจ่างแจ้ง
2. ทาความเข้าใจต่อข้อมูลที่ศึกษามา
แล้วนาข้อมูลดังกล่าวมาประมวลผลให้อยู่ในรูปสารสนเทศ
3. ผู้พัฒนาหลักสูตรฝึกเขียนการออกแบบหลักสูตร โดยนาสาระสำคัญมาจากโมเดลต้นแบบเชิงวัตถุประสงค์
(Objective Model) หรือโมเดลต้นแบบเชิงเหตุผล
การปรับปรุงโมเดลโดยฮิลดา ทาบา รูปแบบของการออกแบบหลักสูตรที่เน้นเนื้อหาวิชา เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
และเน้นปัญหาสังคมเป็นสำคัญ หลักการออกแบบหลักสูตร 7
ประการของสก็อตแลนด์
แนวคิดการออกแบบหลักสูตรที่ส่งเสริมความเป็นเลิศในการเรียนรู้และการสอนของมหาวิทยาลัยกิฟฟิธ
การออกแบบหลักสูตรรายวิชาตามแนวคิดของเวสมินส์เตอร์ เอ็กเชงจ์
มหาวิทยาลัยเวสมินเตอร์ และการออกแบบหลักสูตรด้วยแนวคิดวัตถุประสงค์เป็นฐาน
เป็นต้น ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนของการเขียนพันธกิจ (Mission) ของหลักสูตร
สามเหลี่ยมรูปที่สาม
เป็นการจัดหลักสูตร (Curriculum Organization) ซึ่งจะเห็นว่ากากับด้วยผู้เรียน (Learner), ความรู้
(Knowledge) และสังคม (Society) ทั้งยังสอดคล้องกับคาถามที่สามของไทเลอร์
คือจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ
ซึ่งการจัดหลักสูตรให้มีประสิทธิภาพ มีความหมายรวมถึง การบริหารจัดการหลักสูตร
การจัดการเรียนรู้ การนิเทศการศึกษา การนิเทศการสอน
เพื่อให้นักเรียนเกิดความรู้และบรรลุวัตถุประสงค์ของหลักสูตร พร้อมกับสามารถนาความรู้ที่ได้ไปใช้ในการอยู่ในสังคมอย่างเป็นสุข
การจัดหลักสูตร มีแนวปฏิบัติ ดังนี้
1. ผู้พัฒนา
รวบรวมข้อมูลความรู้และทาความเข้าใจให้กระจ่างแจ้ง
2. ทาความเข้าใจต่อข้อมูลที่ศึกษามา
แล้วนาข้อมูลดังกล่าวมาประมวลผลให้อยู่ในรูปสารสนเทศ
3. ยืนยันความถูกต้องและการใช้ข้อมูลใหม่
โดยนาความรู้ตามแนวคิดของออร์นสไตน์และฮันกิน ไปออกแบบเป็นหลักสูตร
สามเหลี่ยมรูปที่สี่
การประเมินหลักสูตร (Curriculum Evaluation) เป็นการประเมินหลักสูตร
และผลการเรียนรู้ตามหลักสูตร ซึ่งจะเห็นว่ากากับด้วยสังคม (Society) และสอดคล้องกับคาถามที่สี่ของไทเลอร์ คือ
ประเมินประสิทธิ์ผลของประสบการณ์ในการเรียนอย่างไร เพราะว่าการประเมินผลการเรียน
ความรู้และการจัดการเรียนการสอนจะทาให้นักเรียนได้ความรู้ที่สามารถนาไปใช้ในสังคม
การประเมินหลักสูตร มีแนวปฏิบัติ
ดังนี้
1. ผู้พัฒนาศึกษาข้อมูลและทาความเข้าใจเกี่ยวกับการประเมินหลักสูตรให้กระจ่างแจ้ง
2. นาความรู้ที่รวบรวมได้ มาประมวลเป็นข้อมูลใหม่
โดยนาเสนอในรูปแบบสารสนเทศ
3. ผู้พัฒนาศึกษาแนวคิดการประเมินหลักสูตร
แล้วเลือกใช้รูปแบบการประเมินหลักสูตรตามความสนใจเมื่อผู้พัฒนาต้องการประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน
ผู้พัฒนาต้องใช้เครื่องมือวัดในการประเมิน เช่น แบบทดสอบความรู้ตามสภาพจริง
แบบสังเกตพฤติกรรม การประเมินการเรียนรู้โดยใช้แฟ้มสะสมงาน แล้วกำหนดเกณฑ์การประเมินโดยใช้
The SOLO Taxonomy
4.แลกเปลี่ยนแนวคิดกับเพื่อนนักศึกษาหรือผู้รู้ จากคากล่าวว่า
แบบจาลองในการพัฒนาหลักสูตร มีพื้นฐานมาจากแบบจาลองเชิงเหตุผลของไทเลอร์
ท่านเห็นด้วยหรือไม่อย่างไร
ตอบ
เห็นด้วย เพราะ ถือว่าเป็นต้นแบบของการพัฒนาหลักสูตร ไทเลอร์ให้คาแนะนาว่า
ในการกำหนดวัตถุประสงค์ทั่วไปของหลักสูตรทาได้ด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ
ประกอบด้วย
1. ข้อมูลผู้เรียน
2. ข้อมูลสังคมที่โรงเรียนตั้งอยู่
3. ข้อมูลเนื้อหาสาระวิชา
นาข้อมูลจาก 3 แหล่งนี้มาวิเคราะห์เชื่อมโยง เพื่อนาข้อมูลไปกำหนดจุดประสงค์ของหลักสูตร
ต่อจากนั้นจึงกลั่นกรองด้วยปรัชญาการศึกษาของสถาน
ศึกษาและจิตวิทยาการเรียนรู้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น