บทที่4
การวางแผนพัฒนาหลักสูตร
โดยทั่วไปแล้วการวางแผนพัฒนาหลักสูตร
จะเริ่มต้นจากการวิเคราะห์หลักสูตรเดิมที่ใช้กันก่อนแล้วว่ามีผลต่อการใช้ในปัจจุบันอย่างไร
หากหลักสูตรเดิมไม่สนองต่อความต้องการของสังคมและผู้เรียนในปัจจุบัน
อันจะส่งผลไปสู่อนาคต เพื่อการผลิตคนสู่อนาคตแล้วก็ให้นำผลที่ได้มาเป็นข้อมูลในการวางแผนสร้างหลักสูตรใหม่การจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับสภาพและแหล่งการเรียนรู้ต่างๆที่มีอยู่ในท้องถิ่น
เริ่มจากครูและนักเรียนร่วมกันจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับบุคลากร องค์กรทางสังคม
แหล่งการเรียนรู้ทางธรรมชาติและวัสดุที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นที่สามารถนำมาใช้ในการประกอบการสอน
เนื้อหาต่าง ๆ ไว้อย่างเป็นระบบระเบียบ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
ครูอาจจะพาผู้เรียนไปศึกษาและฝึกการทำงานในสถานที่จริง ที่บ้าน หน่วยงาน
หรือสถานประกอบการต่างที่มีในท้องถิ่น หรือครูอาจจะเชิญผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ
หรือผู้ที่ประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพต่างๆมาเป็นวิทยากรในโรงเรียน
Saylor and Alexander
(1966 : 7) ได้สรุปว่า การวางแผนพัฒนาหลักสูตร
ต้องประกอบด้วยสิ่งต่างๆ ดังนี้
1. หลักสูตร
1.1 ตัวผู้เรียนเอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและสังคมเองมองเห็นนักเรียนคืออะไร
มีส่วน
เกี่ยวข้องกับสังคมอย่างไรบ้าง
สังคมต้องการอะไรจากนักเรียน และนักเรียนต้องการอะไรทั้งในแง่ของส่วนบุคคล
และสังคม
1.2 หน้าที่และจุดมุ่งหมายของโรงเรียนคืออะไร โรงเรียนมีแนวคิดยึดปรัชญาสาขาใดและมี
แนวปฏิบัติให้บรรลุเป้าหมายนั้นอย่างไร
1.3 ธรรมชาติของความรู้นั้นเป็นอย่างไร ขอบข่ายของความรู้ที่จำเป็นต้องศึกษานั้นมีมาก
น้อยแค่ไหน อย่างไร
อะไรเป็นสิ่งจำเป็นก่อนและหลังหรือลำดับของความรู้เป็นอย่างไร
1.4 กระบวนการการเรียนรู้เป็นอย่างไร
ลำดับหรือขั้นตอนของการเรียนรู้เป็นอย่างไร สิ่งที่
นักพัฒนาหลักสูตรต้องคำนึงถึงการพัฒนาหลักสูตรในขั้นตอนแรกก็คือ
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับสังคม ปรัชญา ผู้เรียน และกระบวนการเรียนรู้
2. บุคคลที่ทำหน้าที่วางแผนพัฒนาหลักสูตร
2.1 นักการศึกษาในทุกระดับ ตั้งแต่อนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา อุดมศึกษา
นักวิชาการ นักวิจัย เป็นต้น
2.2 ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา เช่น นักเรียน ผู้ปกครอง
สมาชิกในชุมชนและสมาคมต่างๆ เป็นต้น
3. ผู้ตัดสินใจเลือกใช้หลักสูตร
ผู้ทำหน้าที่เลือกใช้หลักสูตร
คือ นักพัฒนาหลักสูตรซึ่งประกอบด้วยครู นักศึกษา
ผู้บริหารการศึกษา ผู้ปกครอง ผู้เชี่ยวชาญสาขาต่าง ๆ
ประกอบขึ้นเป็นกรรมการดำเนินการพัฒนาหลักสูตร
โดยทำหน้าที่คัดเลือกและจัดระบบเนื้อหาสาระตลอดทั้งแบบเรียนกำหนดระบบการเรียน
การสอน
และการตัดสินใจเลือกนั้นกระทำตามลำดับและขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งบรรพต สุวรรณประเสริฐ (2544:
16) ได้เสนอรูปแบบการวางแผนหลักสูตรซึ่งต้องมีองค์ประกอบสำคัญได้แก่การกำหนดหลักสูตรนักวางแผนหลักสูตรการตัดสินใจหลักสูตร
และแผนหลักสูตร
การวางแผนการพัฒนาหลักสูตรเป็นกระบวนการที่สำคัญอย่างหนึ่งของการพัฒนาหลักสูตรที่จะทำให้หลักสูตรเกิดความสมบูรณ์ ดังนั้น
ก่อนที่จะพัฒนาหลักสูตรนักพัฒนาหลักสูตรจะต้องกำหนดแผนการพัฒนาหลักสูตร
จะต้องกำหนดแผนการพัฒนาหลักสูตร ดังนี้
1. การศึกษาปัญหาหรือการกำหนดปัญหาที่เกิดขึ้นในหลักสูตรเดิม
2.การกำหนดข้อมูลเพื่อให้สอดคล้องกับปัญหาข้อมูลที่กำหนดจะต้องเป็นข้อมูลที่สนองตอบต่อปัญหาที่ได้มาจากการศึกษาปัญหา
3. การกำหนดสมมติฐานว่าหลักสูตรที่จะต้องได้รับการพัฒนานั้นจะบังเกิดผลต่อผู้เรียนอย่างไร
4.กำหนดแนวทางในการดำเนินงานขั้นตอนในการดำเนินงานจะต้องกำหนดเวลาอย่างแน่นอนเพื่อจะได้เห็นกระบวนการพัฒนาหลักสูตรตั้งแต่ต้นจนสำเร็จ
5. การคัดเลือกบุคลากรมาใช้ในการพัฒนาหลักสูตรการพัฒนาหลักสูตรจะสำเร็จได้นั้นจำเป็นต้องมีบุคคลากรที่มีคุณภาพในการทำงานบุคลากรที่ควรกำหนดในแผนได้แก่
นักพัฒนาหลักสูตร นักวิชาการศึกษา ศึกษานิเทศก์และครูผู้สอน
1. การเรียนการสอนโดยการใช้แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น
สังคมโลกแห่งข้อมูลข่าวสารไร้อาณาเขตขวางกั้น
มีผลกระทบถึงวิถีชีวิตของพลเมืองไทยใน
สภาพที่เอื้อต่อการรับศาสตร์ตะวันตก
เข้ามาในการพัฒนาประเทศ ทำให้การดำเนินชีวิตไม่ได้นำภูมิ
ปัญญาไทยที่เป็นทุนเดิม ของท้องงถิ่น
ทำให้ประสบปัญหาความทรุดโทรมของสิ่งแวดล้อมและคุณภาพ
ชีวิตโดยเฉพาะในด้านคุณภาพการศึกษาของประเทศไทย
เมื่อเปรียบเทียบกับนานาประเทศแล้ว
คุณภาพยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ด้วยปัญหาหลายประการ
อาทิการสอนของครูส่วนใหญ่เน้นการบรรยาย
การใช้สื่อนวัตกรรมประกอบการสอนมีน้อย
กิจกรรมไม่ฝึกฝนให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าจากแหล่งข้อมูล
ที่หลากหลาย
และขาดการส่งเสริมให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ตรง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา
ขาดการจัดการแหล่งเรียนรู้ให้ได้ผลเท่าที่ควร ขาดการบริหาร
จัดการ
การดูแลรักษาแหล่งเรียนรู้การใช้แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่นเพื่อการจัดการศึกษาในสถานศึกษา
หรือในท้องถิ่นของตนเอง ที่เป็นรูปธรรมสามารถประเมินผล
และนำผลการประเมินมาปรับปรุง พัฒนา
อย่างต่อเนื่อง ขาดการได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงาน
องค์กร จะทำอย่างไรให้หน่วยงานต่างๆ ทั้ง
ภาครัฐ
และเอกชนเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ให้ทุกคนเกิดการเรียนรู้ และใช้
ประโยชน์สูงสุดจากแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น
ระดับสถานศึกษาขาดการวิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางและหลักสูตรสถานศึกษา
ในการนำแหล่ง
เรียนรู้ในท้องถิ่นมาใช้อย่างสัมพันธ์กับเนื้อหาสาระ
และตัวชี้วัด ผลการรับรองมาตรฐานคุณภาพ
การศึกษาของ ส
านักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (2546) จำนวนการใช้แหล่งเรียนรู้ภายนอก
สถานศึกษา ของสถานศึกษา พบว่า
สถานศึกษาใช้แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น จำนวน 1
ครั้งต่อปี หรือบางปี
ก็ไม่ได้ใช้สถานศึกษามองข้ามความสำคัญของแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น
ด้วยเห็นว่าเป็นเรื่องที่ผู้เรียนได้
พบเห็นอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว
คิดกันเองว่าผู้เรียนคงรู้อยู่แล้ว ซึ่งในความเป็นจริงผู้เรียนเพียงแต่รู้จัก
เท่านั้น แต่ไม่เกิดการเรียนรู้เชิงลึก
ขาดความตระหนักและเห็นคุณค่าของทรัพยากรที่มีคุณค่าใน
ท้องถิ่น
ขาดการส่งเสริมสนับสนุนด้านงบประมาณจากหน่วยงาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ
สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขาดการศึกษาค้นคว้า
และส่งเสริมแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น นำมาเป็น
สื่อในการจัดการเรียนรู้
ความหมายของแหล่งการเรียนรู้
แหล่งเรียนรู้ หมายถึง แหล่งข้อมูลข่าวสาร
สารสนเทศ และประสบการณ์ ที่สนับสนุนส่งเสริมให้ผู้เรียนใฝ่เรียน ใฝ่รู้ แสวงหาความรู้และเรียนรู้ด้วยตนเองตามอัธยาศัย
เพื่อเสริมสร้างให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการเรียนรู้ (กระทรวงศึกษาธิการ 2545a:
43)
สามารถ
รอดสำราญ กล่าวว่า แหล่งการเรียนรู้ หมายถึง ข้อมูลข่าวสาร สารสนเทศ
แหล่งความรู้ทางวิทยาการ และประสบการณ์ที่สนับสนุนส่งเสริมให้ผู้เรียน ใฝ่รู้
ใฝ่เรียนแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ตามอัธยาศัยอย่างกว้างขวางและต่อเนื่องจากแหล่งต่างๆเพื่อเสริมสร้างให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการเรียนรู้และเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้
ประเวศวะสี
กล่าวว่า แหล่งการเรียนรู้
เป็นแหล่งรวมวิทยาการที่สังคมยอมรับและถือว่าเป็นสิ่งสำคัญยิ่งและจำเป็นสำหรับการเรียนรู้ศึกษาค้นคว้า ของประชาชนซึ่งถือว่าเป็นเครื่องหมายของความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติ
ดำริบุญชู
กล่าวว่าแหล่งการเรียนรู้ หมายถึง แหล่งข้อมูลข่าวสารความรู้และประสบการณ์ทั้งหลาย
ที่สามารถทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองจากการได้คิดเองปฏิบัติเองสร้างความรู้ด้วยตนเอง
ตามอัธยาศัยและต่อเนื่องจนเกิดกระบวนการเรียนรู้และสุดท้ายเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้
บทบาทหน้าที่ของแหล่งเรียนรู้
บทบาทของแหล่งเรียนรู้ในการให้การศึกษา
ให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้เรียน ทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย คือ
1.
แหล่งเรียนรู้ต้องสามารถตอบสนองการเรียนรู้ที่เป็นกระบวนการได้การเรียนรู้โดยปฏิบัติจริง
และการเรียนรู้ของคนอื่น ๆ ทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย
2. เป็นแหล่งทำกิจกรรม
แหล่งทัศนศึกษา
3.
เป็นแหล่งสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นโดยตนเอง
4.
เป็นห้องเรียนทางธรรมชาติ เป็นแหล่งศึกษา ค้นคว้า และฝึกอบรม
5.
สามารถเผยแพร่ข้อมูลแก่ผู้เรียนในเชิงรุก เข้าสู่ทุกกลุ่มเป้าหมาย
ประหยัดและสะดวก
6.
มีการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน
7.
มีสื่อประเภทต่าง ๆ ประกอบด้วย สื่ออิเลคทรอนิกส์และสื่อต่างๆ
เพื่อเสริมกิจกรรมการเรียนการสอน
2. แหล่งการเรียนรู้ในโรงเรียน
วัตถุประสงค์ของการจัดแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียน
1.
เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ในโรงเรียน โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
2.
เพื่อจัดระบบและพัฒนาเครือข่ายสารสนเทศ
และแหล่งการเรียนรู้ในโรงเรียน
3.
เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะการเรียนรู้ เป็นผู้ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน
และเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง
3. แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น
วัตถุประสงค์ของการจัดแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น
1
.เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนและสังคม
มีแหล่งการเรียนรู้เพื่อการศึกษาที่หลากหลาย สามารถเรียนรู้ได้ตามอัธยาศัย
2.
เป็นเครื่องมือที่สำคัญของบุคคลแห่งการเรียนรู้
ในการแสวงหาความรู้เพื่อพัฒนาตนเองแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น ได้แก่ ห้องสมุดประชาชน
พิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ หอศิลป์ สวนสัตว์ สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์
อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศูนย์การกีฬา สถานประกอบการ วัด ครอบครัว ชุมชน
องค์การภาครัฐและภาคเอกชน แหล่งข้อมูล ภูมิปัญญาท้องถิ่น แหล่งการเรียนรู้อื่นๆ
เป็นต้น
4.
ประโยชน์ของการเรียนการสอนโดยการใช้แหล่งการเรียนรู้ในท้องถิ่น
การใช้แหล่งการเรียนรู้ในท้องถิ่น
มีประโยชน์ต่อการจัดการเรียนการสอน ดังนี้
1.ทำให้นักเรียนรู้จัก และใช้ประโยชน์จากสิ่งต่างๆที่มีอยู่และหาได้ง่าย
ในท้องถิ่นของตน
2.ทำให้นักเรียนรัก ภูมิใจ
มองเห็นคุณค่า หวงแหน อนุรักษ์ และช่วยทำนุบำรุงรักษาท้องถิ่นของตน
3.ช่วยให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ
4.ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนครูหรือขาดครูที่มีความรู้ความชำนาญในการสอนบางเนื้อหาบทเรียน
5.การใช้วิทยากรหรือแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น
ทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างโรงเรียนกับชุมชน เกิดความเข้าใจกัน
ให้ความร่วมมือและให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการจัดการศึกษาหรือพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญก้าวหน้ายิ่งๆ
ขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น